ออปชันเป็นเครื่องมือที่มีความหลากหลายและปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้สามารถเทรดได้ในทุกทิศทางของตลาด ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ขาขึ้น ขาลง หรือแม้แต่ Sideway กลยุทธ์ออปชันมีความหลากหลายตั้งแต่แบบพื้นฐานไปจนถึงระดับซับซ้อน แต่ทุกกลยุทธ์ต่างมีรากฐานจากออปชันสองประเภทหลัก ได้แก่ Call และ Put

คุณอาจเคยมีประสบการณ์ในการซื้อประกันภัยสำหรับรถยนต์มาก่อน ถ้าว่ากันตามกฎหมายแล้ว การประกันภัยรถยนต์ถือเป็นข้อตกลงระหว่างคุณกับบริษัทประกันภัย หลังจากที่คุณชำระเบี้ยประกันภัยแล้ว คุณก็จะได้รับความคุ้มครองจากความเสี่ยงบางประการ เนื่องจากบริษัทประกันภัยตกลงที่จะเป็นผู้ชดเชยความเสียหายให้กับคุณ
สัญญาออปชันก็เป็นข้อตกลงระหว่างสองฝ่ายเช่นกัน
ผู้ซื้อออปชันมีสิทธิ์ที่จะซื้อ หรือขายสินทรัพย์อ้างอิงที่ราคาใช้สิทธิ์ภายในวันหมดอายุ โดยไม่มีข้อผูกมัด
ในทางกลับกัน ผู้ขายออปชันมีหน้าที่ตามสัญญาที่จะต้องซื้อขายหุ้นกับผู้ซื้อ ผู้ขาย Call Option จำเป็นต้องขายสินทรัพย์อ้างอิงที่ราคาใช้สิทธิ์หากผู้ซื้อใช้สิทธิ์ซื้อ ในขณะที่ผู้ขาย Put Option จำเป็นต้องซื้อสินทรัพย์อ้างอิงที่ราคาใช้สิทธิ์หากผู้ซื้อใช้สิทธิ์ขาย
แน่นอนว่าสิทธิ์ของผู้ซื้อออปชันย่อมมาพร้อมกับต้นทุน โดยผู้ซื้อต้องจ่ายค่าพรีเมียมให้กับผู้ขาย เหมือนกับที่คุณจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์นั่นเอง

เรามาดูลักษณะสำคัญของสัญญาออปชันกัน จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่างออปชันและหุ้นได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อเรารวมลักษณะทั้งสามข้อนี้เข้าด้วยกัน เราจะพอเห็นภาพว่าสัญญาออปชันมีหน้าตาอย่างไร ถ้าหากสินทรัพย์อ้างอิงของเราคือหุ้น ABC กำหนดราคาใช้สิทธิ์ที่ 150 ดอลลาร์ หมดอายุวันที่ 15 กรกฎาคม สัญญาออปชันจะมีลักษณะดังนี้ [ABC 15 July 150 Call]
มาถึงตรงนี้ ทุกคนคงพอจะเข้าใจลักษณะสำคัญของสัญญาออปชันกันแล้ว ต่อไปเรามาต่อยอดความรู้และคุยกันเรื่องประเภทของออปชันที่แตกต่างกันสองแบบ ซึ่งได้แก่ Call และ Put

หากนักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นเกินราคาที่มองไว้ภายในวันที่คาดการณ์ นักลงทุนอาจเลือกใช้กลยุทธ์ดังกล่าวนี้ ผลตอบแทนขาขึ้นจะไม่จำกัดเมื่อราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้น โดยการขาดทุนสูงสุดจะถูกจำกัดไว้ที่ค่าพรีเมียมที่จ่ายไปสำหรับการซื้อ Call Option แล้ว Call Option มีกลไกการทำงานอย่างไร?
สมมติว่าราคาหุ้น ABC ซื้อขายที่ราคาประมาณ 10.24 ดอลลาร์ คุณมีมุมมองว่าหุ้น ABC มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น คุณจึงซื้อ Call Option อ้างอิงหุ้น ABC จำนวน 1 สัญญาที่ราคาใช้สิทธิ์ 11 ดอลลาร์ หมดอายุในวันที่ 16 กันยายน 2022 และค่าพรีเมียมของสัญญาออปชันนี้อยู่ที่ 0.62 ดอลลาร์ ความเสี่ยงและผลตอบแทนของคุณจะเป็นอย่างไรหากคุณถือสัญญานี้จนถึงวันหมดอายุ?
i. โอกาสทำกำไรสูงสุดของคุณไม่มีขีดจำกัด เนื่องจากไม่มีการจำกัดไว้ว่าราคาหุ้นอ้างอิงสามารถเพิ่มขึ้นได้มากแค่ไหน ในกรณีดังกล่าว คุณจะสามารถซื้อหุ้นได้มากขึ้นในราคาต้นทุนที่ต่ำกว่าตลาด
ii. จุดคุ้มทุนจะอยู่ที่ 11.62 ดอลลาร์ (ราคาใช้สิทธิ์ 11 ดอลลาร์ + ค่าพรีเมียม 0.62 ดอลลาร์ ที่จ่ายไป) ดังนั้น คุณหวังว่าราคาหุ้น ABC จะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 11.62 ดอลลาร์ภายในวันหมดอายุ
iii. จำนวนเงินสูงสุดที่คุณมีโอกาสสูญเสีย คือจำนวนเงินที่คุณจ่ายไปเพื่อซื้อสัญญา ซึ่งมีมูลค่าทั้งสิ้น 62 ดอลลาร์ (ค่าพรีเมียม 0.62 ดอลลาร์ x 100 หุ้น)

ตอนไหนที่เหมาะในการซื้อ Call Option: กลยุทธ์การซื้อ Call Option อาจเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณคาดการณ์ว่าหุ้นจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก่อนวันที่ออปชันหมดอายุ แต่หากราคาหุ้นขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเหนือราคาใช้สิทธิ์ กำไรที่เกิดจากการใช้สิทธิ์อาจไม่เพียงพอที่จะชดเชยค่าพรีเมียมที่จ่ายไป อาจทำให้คุณขาดทุนจากการลงทุนโดยรวมได้

หากนักลงทุนคาดว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาที่มองภายในวันที่คาดการณ์ นักลงทุนอาจเลือกใช้กลยุทธ์นี้ ซึ่งต่างจากกลยุทธ์การซื้อ Call Option ตรงที่โอกาสในการทำกำไรของการเทรดนี้จะสูงขึ้นเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลง ถึงแม้ว่าโอกาสทำกำไรจากกลยุทธ์นี้มีขีดจำกัด แต่ถึงอย่างนั้น กลยุทธ์นี้ก็ยังมีความน่าสนใจอยู่มาก จำนวนเงินสูงสุดที่นักลงทุนจะสูญเสียจะไม่เกินค่าพรีเมียมที่จ่ายเพื่อซื้อ Put Option
สมมติว่านักลงทุนมองว่าแนวโน้มหุ้น ABC เป็นขาลง ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจซื้อ Put Option อ้างอิงหุ้น ABC จำนวน 1 สัญญาที่ราคาใช้สิทธิ์ 11 ดอลลาร์ หมดอายุวันที่ 16 กันยายน 2022 และค่าพรีเมียมของสัญญาออปชันนี้อยู่ที่ 1.22 ดอลลาร์ เขาสามารถประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนที่จะได้จากการถือครองออปชันนี้จนหมดอายุได้ดังนี้
i. กำไรสูงสุดที่มีโอกาสจะได้รับเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง โดยเขาจะได้กำไรจำนวน 978 ดอลลาร์ (ราคาใช้สิทธิ์ 11 ดอลลาร์ - ค่าพรีเมียม 1.22 ดอลลาร์ = 9.78 ดอลลาร์ x 100 หุ้น) ณ เวลานั้น เขาจะสามารถขายหุ้นอ้างอิงที่ไม่มีมูลค่าแล้ว ในราคาใช้สิทธิ์ที่สูงกว่าราคาตลาดได้ แต่อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นอ้างอิงไม่สามารถลดลงต่ำกว่าศูนย์ได้
ii. จุดคุ้มทุนอยู่ที่ 9.78 ดอลลาร์ (ราคาใช้สิทธิ์ 11 ดอลลาร์ - ค่าพรีเมียม 1.22 ดอลลาร์) ซึ่งนักลงทุนรายนี้หวังว่าราคาหุ้น ABC จะปรับตัวลดลงต่ำกว่า 9.78 ดอลลาร์ภายในวันหมดอายุ
iii. จำนวนเงินขาดทุนสูงสุดที่นักลงทุนมีโอกาสสูญเสียคือจำนวนเงินที่จ่ายไปเพื่อซื้อออปชัน ซึ่งมีมูลค่าทั้งสิ้น 122 ดอลลาร์ (ค่าพรีเมียม 1.22 ดอลลาร์ x 100 หุ้น)

ตอนไหนที่เหมาะในการซื้อ Put Option: กลยุทธ์การซื้อ Put Option อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่คาดว่าราคาหุ้นจะร่วงลงอย่างรวดเร็วก่อนที่ออปชันจะหมดอายุ หากราคาหุ้นปรับตัวลงต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ์เพียงเล็กน้อย กำไรที่ได้มาจากการใช้ออปชันอาจไม่มากพอที่จะชดเชยค่าพรีเมียมที่จ่ายไป ซึ่งจะทำให้คุณขาดทุนจากการลงทุนครั้งนี้ การซื้อ Put Option ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ดั้งเดิมและเป็นที่นิยมสำหรับการเก็งกำไรในช่วงที่หุ้นอยู่ในช่วงขาลง
